น่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ ด้วยความงามของธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ และยังไม่มีความเจริญแบบเมืองใหญ่ๆ มากนัก ทำให้น่านมีเสน่ห์ตรงธรรมชาติป่าเขาที่สวยงาม ไม่ว่าใครที่ได้ไปก็จะกลับมาด้วยความประทับใจอยู่เสมอ
บทความนี้จะเสนอไอเดียวการจัดทริป 3 วัน 2 คืนในแบบ Camping กางเต๊นท์นอนนับดาว เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้อ่านลองนำไปใช้เที่ยวดู เผื่อว่าใครไม่รู้ว่าจะไปน่านต้องไปที่ไหนบ้างนะครับ
แพ็คกระเป๋า
- เสื้อผ้าสวยๆ มีเท่าไรจัดไป
- เสื้อกันหนาวสำคัญทีเดียว
- ครีมกันแดด โลชั่น พาไปด้วยนะครับถ้าไม่อยากผิวแตก หรือกลับมาหน้าไหม้เกรียม
- ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม ช่วยเราได้ยามค่ำคืน
- กล้องถ่ายรูป และแบตเตอรี่ ห้ามลืมเด็ดขาดต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา
- ยาสามัญประจำตัว ติดไว้เผื่อๆ ด้วย
เริ่มเที่ยวกัน
ดอยเสมอดาว
ผาชู้
วันแรก
05.00 น.
เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน เพื่อชมทะเลหมอก และชมแสงแรก ณ ดอยเสมอดาว จากจุดนี้เราจะเห็น ผาหัวสิงห์ ได้อีกด้วย แต่ถ้าใครอยากลุยก็ลองไปปีนผาหัวสิงห์ถ่ายรูปเท่ๆ ดูได้นะครับในเวลาเดียวกันอีกด้วย
07.00 น.
แวะทานอาหารเช้าที่ทำการอุทยานฯ ระหว่างทานอาหารเราจะมองเห็นสายธงชาติที่ยาวที่สุดในโลกที่ถูกโยงลงมาจากเสาธงชาติบนยอดผาชู้
08.00 น.
อิ่มแล้วก็เตรียมตัวปีนไปขึ้นแตะธงชาติไทย ณ ยอด ผาชู้ กัน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนะครับ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบ และเอาของขึ้นไปให้น้อยที่สุด เพราะทางค่อนข้างเป็นหินแหลมๆ คมอยู่เหมือนกัน แต่ได้ความเพลิดเพลินแน่นอน ตรงนี้จะมองเห็นวิวเหนือแม่น้ำน่านได้ไกลสุดลูกตาสวยมากๆ
09.00 น.
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ อ.นาน้อย ชม เสาดินนาน้อย เราจะเห็นดินที่เกิดจากการกัดกร่อนจากธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายๆ กับแพะเมืองผีที่ จ.แพร่ เลยครับ
10.00 น.
ออกเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ระหว่างทางก็แวะทานอาหารกลางวันกันตามใจชอบ หรือใครจะหิ้วท้องไปทานกันที่อุทยานฯ เลยก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าลืมแวะซื้ออาหารสด เครื่องดื่ม ไว้ทำทานกันเป็นอาหารเย็น และอาหารเช้านะครับ จะได้บรรยากาศ Camping สุดๆ ไปเลย
14.00 น.
ถึง อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ถ้าเราไปช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะๆ อาจต้องจอดรถด้านล่าง จะมีลานจอดนะครับ แล้วเดินขึ้นไปนิดหน่อยออกกำลังกัน
พอไปถึงแล้วก็จับจองพื้นที่กางเต๊นท์อยากได้มุมไหนก็ปักกันได้เลย เพราะคืนนี้เราจะได้นอนที่ระดับความสูง 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางกัน
หลังช่วยกันตั้งแค้มป์เสร็จแล้วก็เดินลงมาแวะไปสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน ไปเยี่ยมชมต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกสีชมพูสะพรั่งในช่วงต้นเดือนมกราคม แต่ถ้าไปช่วงอื่นๆ ก็ยังมีต้นชมพูภูคาที่จะบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หรือพวกดอกบ๊วย ดอกท้อ ลูกไหน ลูกพลับ ที่จะออกมาช่วงกรกฎาคม ถึงสิงหาคม เรียกได้ว่าไปช่วงไหนก็ได้เห็นความงาม
กลับมายังแค้มป์ ใครใคร่อาบน้ำก็รีบอาบก่อน ส่วนใครที่ต้องทำอาหารก็เริ่มบรรเลงได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ทำเองที่ทำการอุทยานฯ ก็มีบริการนะครับ
หลังจากอิ่มกันแล้วก็นอนหลับฝันดี
เสาดินนาน้อย
ขุนสถาน
พระธาตุแช่แห้ง
วันที่สอง
05.30 น.
ตื่นแต่เช้ามาล้างหน้าแปรงฟัน รอชม ทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างรอก็ต้มน้ำดื่มกาแฟไปพลางๆ
08.00 น.
ทานอาหารเช้าเอาแรง แล้วก็ช่วยกันเก็บเต็นท์
09.00 น.
มุ่งหน้าไปยัง อ.เมืองน่าน แวะไป วัดพระธาตุเขาน้อย เก่าแก่พอๆ กับพระธาตุแช่แห้งเลยทีเดียว ที่นี่เราจะได้เห็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมตรง พระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ที่กำลังทอดสายตามองลงไปยังเมืองน่าน ซึ่งก็คือ พระพุทธมหาอุตมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน
12.00 น.
แวะทานอาหารกลางวัน เสร็จแล้วก็ขับรถเที่ยว ถ่ายรูปในเมืองน่านแนะนำ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี แล้วไปสักการะ ศาลพระหลักเมืองน่าน จากนั้นก็ไป วัดมิ่งเมือง จะมีวิหารปูนปั้น สีขาวงาช้าง สวยสุดๆ
15.00 น.
ที่สำคัญอย่าลืมแวะนมัสการ พระธาตุแช่แห้ง ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองน่าน แล้วก็ยังเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ตามปีนักษัตรของชาวล้านนาอีกด้วย ใครที่เกิดปีเถาะสักครั้งในชีวิตต้องไปนมัสการนะครับ
16.00 น.
เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาตินันทบุรี ช่วยกันตั้งแค้มป์ และทำอาหารเย็นกัน ใครกลัวหนาวให้รีบอาบน้ำกันนะครับ
17.30 น.
จากนั้นเตรียมชมพระอาทิตย์ตกที่ ดอยผาช้าง เป็นจุดที่มีพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลย ถ่ายรูปจนพอใจก็มาทานอาหารเย็นกัน แล้วก็ราตรีสวัสดิ์
พระธาตุเขาน้อย
วันที่สาม
05.30 น.
รีบตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วไปถ่ายรูป ทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น กันที่ ดอยวาว ห่างจากที่แค้มห์ไป 2 กม.
06.30 น.
กลับมาทานอาหารเช้ากัน แล้วก็ช่วยกันเก็บเต็นท์
07.30 น.
มุ่งหน้าสู่ อ.ปัว ไปยัง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ชมพันธุ์ไม้หายาก เช่น ชมพูภูคา จะออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ต้นเต่าร้างยักษ์ เป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของดอยภูคา ลักษณะเป็นปาล์มลำต้นเดียว สูงประมาณ 40 เมตรนอกจากนี้ยังมี ต้นก่วมภูคา พืชหายากวงค์เดียวกับเมเปิ้ล จากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง อ.บ่อเกลือ
12.00 น.
ระหว่างทางแวะทานอาหารกลางวันกันที่ อุ่นไอมาง เป็นร้านแนะนำ นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ยังมีวิวสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วย
13.30 น.
หลังจากนั้นก็ออกมาชม โรงต้มเกลือสินเธาว์ ที่นี่จะยังใช้วิธีการต้มแบบโบราณมานานหลายร้อยปีแล้ว อย่าลืมชิมดูด้วยนะครับว่าเค็มไหม
15.00 น.
เดินทางกลับอย่างประทับใจบ้านใครบ้านมัน
ดอยวาว
ร้านอาหารที่ควรแวะรับประทาน
- อุ่นไอมาง
เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ สวยน่ารัก แฝงตัวอยู่ข้างลำธาร และขุนเขา ที่ อ.บ่อเกลือ แถมยังมีอาหารอร่อยมากๆ แนะนำเป็นพิเศษเลยสำหรับ “ไก่ทอด”ใครไปแล้วไม่ได้ชิมเรียกว่าไปไม่ถึงนะครับลองโทรไปสอบถามกันได้ที่หมายเลข 081-374-7004, 081-022-0892 ป้าเค้าจะได้หมักไก่ไว้รอได้
เที่ยวช่วงไหน
ไปได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมีนาคมเลย แต่ถ้าใครอยากชมดอกชมพูภูคาให้ไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
